Young Bao The Movie ยังบาว คาราบาว เดอะมูฟวี่
Young Bao The Movie ยังบาว คาราบาว เดอะมูฟวี่
เรื่องย่อ เขียว (ปวริศร์ มงคลพิสิฐ) และไข่ ได้ร่วมกันตั้งวงดนตรีนักศึกษาไทยในฟิลิปปินส์ จนเมื่อแอ๊ด (ธนา เอี่ยมนิยม) มาเรียนเป็นนักเรียนใหม่ที่นั่น ไข่ได้พาแอ๊ดกับเขียวให้มารู้จักกัน ทั้งสามคนจึงได้ก่อตั้งวง “คาราบาว” ยังประกอบไปด้วย ชายหนุ่มกลุ่มหนึ่งที่เข้ามาร่วมวงในเวลาต่อมา เล็ก และเทียรี่ มือกีตาร์หนุ่มหล่อฝีมือแรง บวกกับการเข้ามา รวมกลุ่มของนักดนตรีมากฝีมือและประสบการณ์ของ ธนิสร์กับ เป้า และอ๊อด ในที่สุด ภาพยนตร์เรื่องนี้จะพาผู้ชมผ่านช่วงเวลาแห่งความมุ่งมั่น และตั้งใจของหนุ่มบาวทุกคน และต้นกำเนิดที่มาของบทเพลงต่างๆ ที่ทำให้พวกเขาเป็นตำนานของเมืองไทยไปแล้ว
ยังบาว (อังกฤษ: Young Bao The Movie) เป็นภาพยนตร์ไทยที่มีกำหนดฉายในวันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 อำนวยการสร้างโดย ธนิตย์ จิตนุกูล และกำกับภาพยนตร์โดย ยุทธกร สุขมุกตาภา จากบริษัท แกรนด์ บิ๊ก แบง จำกัด โดยวงคาราบาวมีส่วนร่วมในการผลิต เนื้อเรื่องจะเน้นไปที่จุดกำเนิดของวง และการออกอัลบั้มเมด อิน ไทยแลนด์ ในปี พ.ศ. 2527 จนมีชื่อเสียงมาจนถึงปัจจุบัน โดยงานแถลงข่าวภาพยนตร์มีขึ้นในวันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 ณ ศูนย์การค้าเอสพลานาด รัชดาภิเษก[1] โดยเดิมมีการวางตัว อาทิวราห์ คงมาลัย (ตูน บอดี้สแลม) ให้รับบท ยืนยง โอภากุล (แอ๊ด คาราบาว) นักร้องนำและหัวหน้าวง แต่คิวงานไม่ลงตัวกับเวลาถ่ายทำ จึงเปลี่ยนตัวผู้แสดงเป็น ธนา เอี่ยมนิยม ซึ่งเป็นนักแสดงหน้าใหม่แทน ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ประสบปัญหาตลอด เมื่อมีข่าวว่าตูน บอดี้สแลม ถอนตัวออก ก็ทำให้ผู้สนับสนุน คือ ยามาฮ่า ถอนตัวออกไปด้วย อีกทั้งในวันแถลงข่าวและเปิดฉายรอบปฐมทัศน์สำหรับสื่อมวลชน ก็มีสมาชิกในวงคาราบาวมาร่วมงานเพียงคนเดียวเท่านั้น คือ กีรติ พรหมสาขา ณ สกลนคร (เขียว คาราบาว) แต่กระนั้นสมาชิกคนอื่น ๆ ในวงต่างก็ยืนยันว่า ไม่ได้มีปัญหากับภาพยนตร์ตามที่เป็นข่าว[2] ในส่วนของคำวิจารณ์ อภินันท์ บุญเรืองพะเนา แห่งผู้จัดการออนไลน์ได้วิจารณ์ไว้ว่า การเปลี่ยนตัวนักแสดงนำ ทำให้การตลาดของภาพยนตร์ลดพลังลงไปเป็นอย่างมาก แต่กระนั้น ตัวละครทุกตัว แม้จะมีหลายคน แต่ทว่าภาพยนตร์ก็แบ่งสัดส่วนให้กับทุกคนอย่างเท่าเทียม ถ้าหากใครที่รักคาราบาวอยู่แล้ว ก็จะรักมากขึ้น เพราะคาราบาวในยุคสมัยนั้น ก็ไม่ต่างไปจากคนหนุ่มทุกคน ที่มีความมุ่งมั่นฝันใฝ่อยู่ในตน มีด้านที่อ่อนโยน เท่ากับที่มีความหุนหันพลันแล่นตามธรรมดาของเลือดลมแห่งวัยหนุ่ม เพียงแต่ภาพยนตร์อาจจะไม่ได้เหวี่ยงตัวละครเข้าสู่มุมอับกับสถานการณ์โหดหินที่ต้องเผชิญมากนัก และความโดดเด่นอีกอย่างของภาพยนตร์เรื่องนี้ คือ การสอดแทรกประวัติศาสตร์ทางการเมืองไทยลงไปได้อย่างไม่น่าเบื่อ ทั้งเรื่องราวของเหตุการณ์ 14 ตุลา หรือ เหตุการณ์ 6 ตุลา ที่สมาชิกแต่ละคนได้รับผลกระทบกันไปแตกต่างกัน สิ่งที่เป็นห่วงสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ คือ กระแสค่อนข้างเงียบเหงามาก อาจจะเป็นผลมาจากการตลาดและบริษัทผลิตที่เป็นเพียงบริษัทเล็ก ๆสำลอง
สำลอง
